ยังคงอยู่ที่ประเด็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ในตอนนี้ทั่วโลกต่างพบเจอกันเป็นระลอก ๆ และยังไม่ทีท่าว่าจะเบาบางลงได้ อย่างล่าสุดแผ่นดินใหญ่อย่างประเทศจีน ก็กลับมาระบาดซ้ำอีกครั้ง หลังพบว่าประชาชนออกเดินทางข้ามเขตกันมากขึ้น ส่งผลให้เดลต้าเชื้อกลายพันธุ์โควิดลุกลามมากกว่า 10 มณฑล
11 มลฑลจีนรับศึกหนัก โควิดสายพันธุ์เดลตาเล่นงานอีกรอบ
โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ไลฟ์มินท์ของอินเดีย ได้มีการรายงานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนว่า ในขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จะพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และหลังจากนี้หลาย ๆ พื้นที่จะพบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม
โดยประเด็นนี้นายอู่ เหลียงโหย่ว เจ้าหน้าที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ได้กล่าวว่าการที่โควิดกลับมาแพร่ระบาดในจีนครั้งล่าสุดมีสาเหตุมาจากการเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่เป็นเชื้อรุนแรง มาจากต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งประวัติของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวส่วนใหญ่มีประวัติเดินทางข้ามภูมิภาคมาก่อน และการระบาดในครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่กว่า 11 มณฑลของจีน

จีนคุมเข้มโควิดไม่ไหว งัดกฎหมายใหม่คุมเข้มชายแดน
โดยเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 26 ราย แบ่งออกเป็น มองโกเลียใน 7 ราย, มณฑลก่านซู่ 6 ราย, เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย 6 ราย, กรุงปักกิ่ง 4 ราย, มณฑลเหอเป่ย์ 1 ราย, มณฑลหูหนาน 1 ราย และ มณฑลส่านซี 1 ราย และนับตั้งแต่วันจันทร์เป้นต้นไป หลาย ๆ พื้นที่ในจีน อย่าง เอ๋อจี้ เมืองแถบตะวันตกของมองโกเลีย ก็ได้มีการประกาศให้ประชาชนและนักเดินทางอาศัยอยู่ในที่พักเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
อีกทั้ง บางเมืองในมณฑลก่านซู่ ซึ่งรวมถึงเมืองหลวงอย่างนครหลานโจว และเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ก็ได้ระงับการให้บริการรถโดยสาร แท็กซี่ เพื่อเป็นการควบคุมการระบาดของโควิด ตามแถลงการณ์ของรัฐบาลท้องถิ่นเช่นกัน
นอกจากนี้สวิสอินโฟ ยังได้รายงานอีกว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางการจีนได้เปิดกฎหมายใหม่คุมเข้มพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับอินเดีย ตลอดจนความกังวลที่เกี่ยวกับผลกระทบจากการยึดครองอัฟกานิสถานของกลุ่มตอลิบานและการระบาดของโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งกฎหมายว่าด้วยพรมแดนทางบกดังกล่าว ไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนวิธีการจัดการด้านความปลอดภัยทางชายแดน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม แต่การผ่านกฎหมายนี้สะท้อนให้เห็นว่า จีนมีความเชื่อมั่นในการจัดการพรมแดนมากยิ่งขึ้น
โดยทางจีนก็ยังคงจับตาดูเพื่อนบ้านอย่างอัฟกานิสถานอย่างใกล้ชิด หลังกลุ่มตอลิบานกลับมามีอำนาจอีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการป้องกันการทะลักเข้ามาของกลุ่มผู้ลี้ภัย หรือกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ข้ามมาเพื่อติดต่อกับชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ บริเวณพรมแดนแถบเทือกเขาหิมาลัย ความขัดแย้งระหว่างทหารจีนกับทหารอินเดียปะทุขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2563

ที่สำคัญจีนยังใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อป้องกันโควิดจากนอกพรมแดน หลังมีการข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายจากเมียนมาและเวียดนามในปีนี้ ส่งผลให้มณฑลทางตอนใต้ของจีนอย่างมณฑลยูนนานและเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และนับเป็นครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 72 ปีก่อน มีกฎหมายเฉพาะที่ระบุชัดถึงการปกครองและการป้องกันพรมแดนทางบก ระยะทาง 22,000 กิโลเมตร ร่วมกับ 14 ประเทศ ซึ่งรวมถึงรัสเซีย และเกาหลีเหนือด้วย โดยกฎหมายฉบับนี้ระบุว่า จะใช้มาตรการที่ได้ผลเพื่อปกป้องอธิปไตยในดินแดนและความมั่นคงของชายแดนทางบกอย่างเฉียบขาด
โดยกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองกำลังตำรวจแห่งประชาชนจีน มีหน้าที่ในการปกป้องชายแดนจากการบุกรุก, การล่วงล้ำ, การแทรกซึม และการยั่วยุ กฎหมายฉบับนี้กำหนดด้วยว่า จีนสามารถปิดพรมแดนประเทศได้ หากเกิดสงครามหรือความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งคุกคามต่อความมั่นคงชายแดนของจีน อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเด็นการเมือง การลี้ภัย และการข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย ที่ดูแล้วคงจะมีความเสี่ยงไม่ต่างจากการสมัคร gclubแบบนั้นเลย